การใช้สีผสมอาหารก็เหมือนการขัดเงา แต่งหน้า บนใบหน้าของคุณ. ใช่ สีย้อมสามารถตกแต่งอาหารหรือเครื่องดื่มให้สวยงามและกระตุ้นต่อมรับรสได้ เพื่อให้คุณสนใจที่จะลองอาหารเหล่านี้มากขึ้น ในอินโดนีเซีย การใช้สีผสมอาหารได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวดโดยกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานควบคุมอาหารและยา (BPOM) ตามข้อบังคับ สีผสมอาหารแบ่งออกเป็นสีผสมอาหารธรรมชาติและสีสังเคราะห์ คุณต้องระวังอาหารที่ย้อมเพื่อวัตถุประสงค์อื่น เช่น สีย้อมสิ่งทอ เหตุผลก็คือ การแต่งสีอาหารด้วยสารเคมีที่เป็นอันตรายอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณได้
สีผสมอาหารธรรมชาติและสังเคราะห์
ตามข้อมูลของ BPOM สีย้อมธรรมชาติคือวัตถุเจือปนอาหารที่ทำผ่านกระบวนการสกัด แยกออก หรือทำให้เป็นอนุพันธ์ (การสังเคราะห์บางส่วน) จากพืช สัตว์ แร่ธาตุ หรือแหล่งธรรมชาติอื่นๆ สีผสมอาหารจากธรรมชาติถือเป็น 'เครื่องสำอาง' ที่เก่าแก่ที่สุดสำหรับอาหาร เพราะมันถูกใช้มาเป็นเวลานาน จนถึงปัจจุบันการใช้สีผสมอาหารจากธรรมชาติถือว่าปลอดภัยกว่าและมีผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อย สีย้อมบางชนิดที่จัดว่าเป็นสีธรรมชาติประกอบด้วยสารต่างๆ เช่น- แคโรทีน (สีแดงเข้ม สีเหลือง หรือสีส้ม): สีผสมอาหารตามธรรมชาตินี้พบได้ในผลไม้หรือผักที่มีสีใกล้เคียงกัน เช่น แครอท มันเทศ และฟักทอง แคโรทีนเป็นสีย้อมที่ละลายในไขมัน ทำให้เหมาะสำหรับการระบายสีผลิตภัณฑ์นมต่างๆ
- คลอโรฟิลล์ (สีเขียว): สีนี้พบได้ในพืชสีเขียวทุกชนิด รวมทั้งใบผักโขมและใบสะระแหน่ คลอโรฟิลล์มีความสำคัญต่อพืชเพราะใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสง
- แอนโธไซยานิน (สีม่วงและสีน้ำเงิน): สีผสมอาหารตามธรรมชาติเหล่านี้มักจะได้มาจากผลไม้ เช่น องุ่น บลูเบอร์รี่ และแครนเบอร์รี่ สีย้อมนี้สามารถละลายในน้ำได้ จึงเหมาะที่จะใช้ทำวุ้น น้ำอัดลมและน้ำเชื่อม